สวัสดีค่า..กลับมาเจอกันอีกแล้ว กลับมาพร้อมกับร้านซูชิชื่อดังในโตเกียวที่ต่อคิวนานกว่า 2 ชั่วโมงอร่อยแค่ไหนเราจะได้รู้ไปพร้อมๆ กันวันนี้เลย ซึ่งการไปเที่ยวโตเกียวครั้งนี้เราพักแถวชิบุย่า ใกล้สถานีชิบุย่าเลยเดินนิดเดียวก็ถึงที่พักแล้ว ใกล้มากแถมของกินเยอะสุดๆ เรียกได้ว่ามาพักย่านชิบุย่าคือครบเครื่อง ทั้งเรื่องกิน เรื่องช้อป เรื่องเที่ยวเลย
ก็เข้ามาเก็บของที่พักกันก่อนเลย เปิ้ลจองที่พักใน Airbnb ค่ะ ตอนนี้อพาท์เม้นนี้ห้องเต็มหมดเลย ราคาตกคืนละ 2,500 บาท มากับเพื่อน 3 คน เฉลี่ยคนละ 833.33 บาท (ถูกมากกก) และห้องก็ใหญ่มากๆ ด้วยค่ะมีโซนโซฟานั่งเล่น และทีวีให้ ปลื้มมาก
ที่เลือกมานอนเป็นอพาท์เม้นเพราะว่าห้องใหญ่กว่าโรงแรม (ล้านเท่า) คือเคยมีประสบการณ์นอนโรงแรมนอน 2 คน แทบจะเหยียบกันตายในห้องเลย และ Airbnb ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ ในญี่ปุ่น จะเห็นจากรูปว่าว่างของสบายมากๆ ห้องใหญ่เว่อร์ๆ
หลังจากเก็บของแล้วเราก็ต้องไปกินกันค่ะ!!
พิกัดแรกที่เปิ้ลไปหลังจากเช็คอินที่เข้าที่พักเสร็จคือ ซูชิร้าน Midori Sushi ห่างจากที่พักเพียง 500 เมตร เป็นร้านซูซิที่ดังมากอยู่ที่ใต้ดินชิบุย่า ใครชอบกินซูชิอยากให้มาลองกินถ้ามาเที่ยวโตเกียว ซึ่งคนเยอะมากทั้งชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นเองก็ชื่นชอบซูชิร้านนี้ ด้วยความสดใหม่ของเขาทำให้ร้านนี้เป็นร้านซูชิชื่อดังในโตเกียว
เปิ้ลถึงร้านประมาณ 10 โมงเช้าค่ะ ได้คิวที่ 35 หลังจากนั้นก็นั่งรอคิวไปค่ะ 2 ชั่วโมงเองก็ได้เข้าไปกินซูชิแล้ว เที่ยงพอดี (น้ำตาจิไหล) ถ้าเพื่อนๆ คนไหนอยากจะมากินซูชิที่ร้านนี้แนะนำว่าให้คำนวนเวลาดีๆ เผื่อเวลาเยอะไว้ก่อนเลยแต่เชื่อเปิ้ลค่ะ ว่าได้กินแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน
นั่งรอคิววนไปค่ะ คนที่นั่งตรงเก้าอี้คือ รอคิวร้าน Midori Sushi กันหมดเลย
เมนูเซ็ตยอดฮิตที่เราสั่ง ราคา 2,800 เยน ค่ะ อิ่มมากแต่ละคำให้เยอะสุดๆ ร้านนี้มีคนไทยมากินเยอะนะมองด้วยตาแล้วคร่าวๆ คนไทยประมาณ 40% ได้
เมนูยอดฮิตของที่นี้ พร้อมราคาจ้าา
การเดินทางไปยังร้าน : Midori Sushi อยู่ที่ JR หรือ Subway ลงสถานีชิบุยะ มองหาตึก Shibuya Mark City ขึ้นไปชั้น 4 ก็จะเจอเลย
หลังจากที่กินเติมพลังมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อย เปิ้ลก็เดินทางไปเที่ยวที่ Disney Sea ต่อเลยค่ะ ซึ่งช่วงบ่ายยันค่ำเปิ้ลขอเทเวลาทั้งหมดให้กับที่นี่ ซื้อบัตรเข้าช่วงสายๆ ไม่เน้นเล่นเครื่องเล่น เน้นถ่ายรูปและดูการแสดงตอนกลางคืนค่ะ เราก็มาถ่ายรูปเดินเล่นซื้อของฝากตุ๊กตาดิสนี่ย์กลับไปฝากน้องๆ
ส่วนตัวเปิ้ลชอบโซน Mermaid มากที่สุดเลยดูฟรุ้งฟริ้ง น่ารักมากๆ ด้วยโทนสีมีความพาสเทล
ในส่วนของการเที่ยวในโตเกียววันที่สอง เราจะไปย่าน Shimokitazawa แหล่งย่านวัยรุ่นสุดฮิป สไตล์วินเทจเน้นขายเสื้อผ้ามือสองมีทั้งแบรนด์และไม่มีแบรนด์ ส่วนจะน่าสนใจแค่ไหน เราเก็บบรรยากาศมาให้แล้ว
ย่าน Shimokitazawa เป็นสถานที่ๆ คนไทยมาเที่ยวค่อนข้างน้อยมากๆ เป็นย่านที่วัยรุ่นญี่ปุ่นชอบมาเดินเล่น ช้อบปิ้งกัน ย่านนี้เหมือนตลาดนัดจตุจักรบ้านเรา แต่มีความเป็นญี่ปุ่นมากๆ แค่นั้น มีมุมถ่ายรูปสวยๆ Street Art ตามริมข้างทางแทบทุกจุดเลย
ร้านส่วนใหญ่ตกแต่งน่ารักสไตล์วินเทจ ถ้าใครที่ชื่นชอบสไตล์เสื้อผ้ามือสองของหายาก แนะนำให้ลองมาเที่ยวย่านนี้เลยค่ะ แต่คิดว่าว่าต้องมีเวลา เพราะเป็นของมือสอง ต้องรื้อหรือดูดีๆ หน่อย บางร้านก็แอบราคาสูง ต้องเช็คราคาจากไทยไปดีๆ ก่อนด้วยนะคะ
ร้านมีการตกแต่งแตกต่างกันไปค่ะ ความน่ารัก มุ้งมิ้งมาก สไตล์ Lolita สาวหวานต้องจัดบอกเลยร้านนี้ห้ามพลาดค่ะ มีความพาสเทลมากๆ
ร้านนี้ต้องแวะมาสำหรับสายวินเทจ ชื่อดังมากชื่อร้าน Flamingo ถ่ายรูปก็ได้ของในร้านก็ดีมาเหอะไม่มีคำว่าผิดหวัง
มีคาเฟ่เยอะเลยใครสาย Cafe Hopping ต้องชอบแน่ๆ ร้าน Flippers เป็นแพนเค้กใครมีเวลาเยอะๆ เราว่าควรต่อคิวกิินเพราะกลิ่นมันหอมน่าลองมาก สำหรับเปิ้ลเวลามีไม่เยอะค่า เลยต้องหันไปหาร้านอื่นแทน ซึ่งเป็นร้านตรงข้ามเยื้องๆ กัน เป็นคาเฟ่น่ารัก เน้นถ่ายรูปที่ประเทศญี่ปุ่นถ้ามากี่คนก็ต้องสั่งเท่ากับจำนวนคนที่มานะคะ ถือว่าเป็นมารยาทอย่างหนึ่ง
ขนมหวานอร่อยมากๆ รสไม่หวานเกินไปกินเพลินดี
หลังจากหมดเวลาเที่ยวโตเกียวก็ได้เวลากลับไทยแล้ว เราใช้บริการรถไฟวิ่งตรงเข้าสนามบินนาริตะเลยค่ะ ตีตั๋วนั่งรถไฟยาวๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง ราคาประมาณ 1,000 บาท
ใช้ Wifi pocket อันนี้ตลอดทริปเลยย เร็วปรืดด..ไม่มีสะดุด
ถึงสนามบินนาริตะแล้ว!
ช้อบปิ้งต่อสิคะรออะไร ขนมที่นาริตะเยอะมากๆ เลย ไม่ต้องไปซื้อที่ดองกิก็ได้ค่ะ มาซื้อทีเดียวตอนขากลับมีครบเลย
ขากลับเปิ้ลนั่งสายการบิน Hongkong airline ค่ะ ได้ตั๋วราคาถูกมาจากการจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka ด้วยราคาเพียง 16,000 บาท ช่วงที่จองไปคือต้นเดือนมีนาคม 2018 มีอาหารให้กิน 2 ครั้ง เริดไหมหละ และมีเกมส์ หนังบนจอครบเครื่องเลย ที่สำคัญมีหนังใหม่ๆ เยอะมาก
ที่นั่งกว้าดีนะสบายเอนหลังได้เยอะ
อาหารมื้อแรกบนเครื่องมาแล้วค่ะ เป็นสเต็กไก่ สลัดแซลมอน และอุด้งเย็นกินกับวาซาบิ ถือว่ารสชาติใช้ได้เลย อร่อยไม่แย่ค่ะ ชอบมากที่สุดคือขนมปังทาเนยค่ะ แอบกระซิบบอกว่า เครื่องดื่มสามารถขอพนักงานได้ตลอดเวลาเลยค่ะเรียกว่าคุ้มค่าแก่เงินที่จ่ายไปจริงๆ
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเที่ยว โตเกียว 3 วัน 2 คืน
- ค่าที่พักโตเกียว 1,200 บาท/คืน
- ค่า Disney Sea 2,000 บาท
- ค่าเดินทาง 1,500 บาท/คน
- ค่าข้าวคนละ 2,000 บาท
- ค่าช้อบปิ้งคนละ 9,100 บาท
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับต่อคน (full service จองผ่าน Traveloka) = 16,500 บาท
ทริปเที่ยวโตเกียวครั้งนี้สนุกมากๆ เพราะได้ไปกับเพื่อนรู้ใจเที่ยวสายเดียวกัน และทริปนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ ถ้าไม่เห็นตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นแบบ Full Service แล้วราคาดีขนาดนี้ ตอนแรกดูเป็นแบบ Low cost เหมือนกันค่ะผ่านเว็ปของแอร์ไลน์โดยตรงราคาแรงมากเกือบ 20,000 บาท เลยเข้าไปเช็คราคากับ Traveloka เจอราคาตั๋วเครื่องบินสายการบิน Full Service เวลาก็ดี เลยรีบกดจองเลย
ใครที่ชอบเที่ยวสไตล์แบบเปิ้ล ติดตาม Facebook Page กันได้นะคะ
https://www.facebook.com/theaapplestyle